การแต่งงานนั้นเป็นพิธีมงคลอย่างหนึ่งที่มีเพียงครั้งเดียวในชีวิตจึงต้องทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และงบประมาณ ตั้งแต่หาฤกษ์ยาม ติดต่อบริษัทจัดงานแต่งงาน สถานที่จัดงาน รวบรวมรายชื่อแขกเพื่อสั่งพิมพ์การ์ดแต่งงาน และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการเตรียมการอื่นๆ นั่นคือ การเลือกของชำร่วย ซึ่งถือเป็นของที่ระลึกและเป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึงในพิธีมงคลสมรสที่มีเพียงครั้งเดียวในชีวิตค่ะ
การเลือกของชำร่วยเพื่อนำมาแจกในงานแต่งงานนั้นมีหลักการไม่กี่ข้อที่ควรคำนึงถึง คือ
1. สไตล์ของคู่บ่าวสาวค่ะ เพราะการเลือกของชำร่วยนั้นจะสื่อถึงความเป็นตัวตนและไลฟ์สไตล์ของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวค่ะ
2. รวมไปถึงต้องให้เหมาะสมกับธีมของงานและสถานที่ในการจัดงานด้วยค่ะ
3. และอีกอย่างหนึ่งควรคำนึงถึงความหลากหลายของแขกที่มาร่วมงานด้วย เพราะว่าต้องเลือกของชำร่วยที่คิดว่าทุกคนจะชื่นชอบหรือใช้ได้ทั่วๆ ไปทุกเพศทุกวัยค่ะ
4. และที่สำคัญคือ งบประมาณค่ะ เราควรเลือกของชำร่วยที่ราคาไม่แพงเกินไป โดยของชำร่วยนั้นต้องไม่เกิน 10 บาทค่ะ แต่ถ้ามีแขกที่พิเศษก็อาจจะสั่งของชำร่วยเฉพาะแขกพิเศษคนนั้นค่ะ
5. และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งควรเผื่อของชำร่วยไว้มากกว่าจำนวนการ์ด ประมาณ 5-10 % เผื่อว่าของชำร่วยที่แจกออกไปนั้นถูกใจแขกและจะมีคนมาขอเพิ่มได้ค่ะ
6. สุดท้ายที่จะละเลยไม่ได้เลยนะคะ คือ ระยะเวลาในการจัดทำค่ะ ควรสอบถามให้ชัดเจน ให้ทางร้านระบุระยะเวลาในการจัดทำที่แน่นอนมาเลยค่ะ เพื่อจะได้รู้ว่าทางร้านจะสามารถส่งของชำร่วยมาให้ทันแจกในวันแต่งงานหรือไม่ค่ะ
ในปัจจุบันนี้ยังมีของชำร่วยให้เลือกหลายรูปแบบมีทั้งแบบที่ตั้งโชว์ได้อย่างเดียวและแบบที่นำมาเป็นของที่ใช้ประโยชน์ได้ โดยอาจตกแต่งให้ดูน่ารักเหมือนของที่ระลึกทั่วไปแถมยังมีความหมายที่ดีด้วย เช่น
เพราะว่างานมงคลนั้นมีตลอดทั้งปีค่ะ การผลิตของชำร่วยที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับร้านค้าที่ขายของชำร่วยค่ะ เพราะยิ่งของชำร่วยที่เรามีนั้นมีความแปลกใหม่ น่ารัก ไม่เหมือนใคร เน้นไปในด้านใช้ประโยชน์ ยิ่งจะทำให้สินค้านั้นขายดีและเป็นที่ต้องการมากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ การเลือกซื้อของชำร่วยนั้นเราอาจเลือกดูจากร้านค้าออนไลน์ก็ได้ค่ะ และลองเก็บข้อมูลไว้และอาจไปดูร้านจริงๆ ข้างนอกเปรียบเทียบราคาดูด้วยค่ะ เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ เราควรให้เวลาในการสำรวจของชำร่วยที่มีในร้านนั้นๆ ดูรีวิวจากลูกค้า หาข้อมูลคำวิจารณ์ร้านจากกูเกิ้ล รวมไปถึงดูราคาในการจัดทำทั้งตัวของชำร่วยและแท็กป้ายชื่อด้วยนะคะ เพื่อเป็นการช่วยคำนวณค่าใช้จ่ายโดยรวมได้ถูกต้อง งบจะได้ไม่บานปลายค่ะ เมื่อเราเจอร้านที่ถูกใจแล้ว ให้ลองสอบถามถึงของชำร่วยที่เราต้องการซื้อแบบตรงไปตรงมาค่ะ ว่ามีของชำร่วยแบบนั้นหรือไม่ ถ้ามีต้องสั่งขั้นต่ำเท่าไหร่ คิดราคาต่อชิ้นเท่าไร คิดค่าแท็กป้ายชื่อเพิ่มไหม ระยะเวลาในการจัดทำนานเท่าไหร่ เป็นต้น
ต้องบอกตามตรงเลยนะคะว่า ราคาของชำร่วยไม่ว่าจะถูกหรือแพงนั้นไม่สำคัญเท่ากับว่าของชำร่วยนั้นช่วยบ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณได้อย่างไร และแขกผู้ร่วมงานนั้นจะรู้สึกประทับใจของชำร่วยชนิดนั้นหรือไม่มากหรือน้อยแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ
🎁🎁🎁🎁🎁🎁🎁🎁